นางสำรวย เปิดเผยว่า กล้องวงจรปิด ตนเป็นมารดาของ นายสุรศักดิ์ วงษ์สุวรรณ อายุ 31 ปี และลูกสะใภ้ นางสาวทัศนี วงศ์ แพงภักดิ์ อายุ 31 ปี ทั้งสองประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ที่ถนนพิษณุโลก-บึงพระ ม.2 ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก เมื่อคืนวันที่ 20 กรกฏาคมที่ผ่านมา พร้อมกับลูกในครรภ์อายุ 8 เดือน จากนั้นตนได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพลูกชายและลูกสะใภ้ที่วัดบึงพระ มีกำหนดการฌาปณกิจในช่วงเย็นวันนี้ (24 ก.ค.)
นางสำรวย เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (23 ก.ค.) มีผู้ชายคนหนึ่ง โทรศัพท์เข้ามาที่มือถือ ขอแสดงความเสียใจกับตนและครอบครัว พร้อมกับแจ้งว่า ลูกชายตนทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ตนจำชื่อบริษัทไม่ได้ แต่ลูกชายตนขาดส่งเบี้ยประกันมาระยะหนึ่ง โดยอธิบายลักษณะของการทำประกัน คล้ายกับที่ตนเคยทำไว้ และดูน่าเชื่อถือมาก พร้อมบอกให้ตนโอนเงินเข้าไปยังบัญชีชื่อ นายสมชาย แซ่โค้ว ธนาคารกรุงไทย สาขาศูนย์การค้าอยุธยาปาร์ค จ.พระนครศรีอยุธยา ตนจึงหลงเชื่อ เพราะลักษณะคำพูดและการอธิบายที่บอกให้ตนเตรียมเอกสารต่างๆ ไว้ ทั้งสำเนาใบมรณบัตร สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน และบริษัทจะนำพวงหรีดพร้อมเงินประกันจำนวน 600,000 บาท มาให้ที่วัด ในช่วงเวลา 12.30 น. ของวันเดียวกัน
นางสำรวย เล่าต่ออีกว่า ช่วงนั้นตนวุ่นอยู่กับการจัดงานศพ ลูกชาย จึงไม่ได้ไปค้นเอกสารการทำประกันชีวิตของลูกชาย จึงหลงกลไปโอนเงินที่ธนาคารกรุงไทย ครั้งแรกจำนวน 5,646 บาท มีเจ้าหน้าที่ธนาคารช่วยกรอกให้ ต่อมาผู้ชายคนดังกล่าวโทรศัพท์เข้ามาหาอีกว่ายังขาดเงินอีก 2,000 บาท เป็นค่าให้นายเซ็นต์ จึงจะสามารถนำเงินค่าประกันชีวิตมาให้ได้เลย ตนก็บอกว่ามารับที่วัดได้หรือไม่ เพราะไม่อยากเสียเวลาอีก ผู้ชายคนนั้นก็หว่านล้อมอีก ตนกับน้องชายจึงกลับไปที่ธนาคารกรุงไทยและโอนเงินไปให้อีกรอบ รวม 2 ครั้งจำนวน 7,646 บาท และกลับมารอที่วัด
จนกระทั่งเวลาผ่านไป ผู้ชายคนนั้นก็ไม่มาที่วัดตามที่นัดหมาย ที่จะนำพวงหรีดและนำหลักฐานต่างๆ ต่อมาตนจึงรู้สึกเอะใจ ได้โทรศัพท์กลับไปยังหมายเลขที่เคยโทรศัพท์เข้ามา ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงทราบแล้วว่าโดนหลอก จึงเข้าแจ้งความกับ สภ.เมืองพิษณุโลก
แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ นางสำรวย กล้องcctv เปิดเผยต่ออีกว่า เมื่อเข้าแจ้งความและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ฟัง แต่มีตำรวจนายหนึ่งพูดทำนอง "...อยากไปให้เขาหลอกเอง" ต่อมาตนำเอาใบแจ้งความไปติดต่อที่ธนาคาร ช่วยตรวจสอบข้อมูลของ นายสมชาย แซ่โค้ว พบว่าเป็นชาว จ.สระบุรี เปิดบัญชีธนาคารที่พระนครศรีอยุธยา เมื่อ 2 เดือนก่อน มีประวัติโอนเงินเข้ากว่า 100 ครั้ง ไม่มีการฝากเงินเข้า เมื่อเงินถูกโอนเข้าบัญชีก็จะถูกกดออกมาทันที
เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่า เงินสดถูกกดจากตู้เอทีเอ็มสาขาโรจนะ ตนจึงได้นำหลักฐานดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานช่วยจับกุมคนร้าย แต่ปรากฏว่าถูกเจ้าหน้าที่เมินเฉย อ้างว่า ยังไงก็ตามเงินไม่ทันแล้ว กลับไปจัดงานศพลูกชายให้เสร็จก่อนดีกว่า ทำให้ตนจึงรู้สึกเหมือนถูกซ้ำเติม
ล่าสุด นางสำรวย บอกว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งได้โทรศัพท์มาหา เพื่อสอบถามเกี่ยวกับคดีดังกล่าวและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับจะช่วยติดตามช่วยเหลือจับกุมคนร้ายต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก พิษณุโลกฮอตนิวส์