หลังเกิดเหตุ พ่อและแม่ของ พล.ต.ธง ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ทั้งสองได้บอกให้ลูกชายหลบหนี ทำให้ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักหรูในกรุงพนมเปญ และทั้งสองถูกจับกุมฐานครอบครองอาวุธปืนหลายชนิดโดยผิดกฎหมาย ต่อมาถูกศาลตัดสินให้จำคุก แต่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวสู้คดีในศาลสูง และทั้งสองถูกจับกุมอีกครั้ง บริเวณใกล้เขตแดนเวียดนาม ฐานต้องสงสัยพยายามจะหลบหนี การให้ประกันตัวส่งผลให้ นายอัง มัลเตย ประธานศาลแขวงพนมเปญถูกไล่ออกจากราชการ
ในช่วงหลายเดือนของการหลบหนี พล.ต.ธงได้โพสต์คลิปวิดีโอออนไลน์หลายครั้ง ยืนยันตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายอั้งตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด พร้อมกับเรียกร้องต่อ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้เข้ามาแทรกแซง เพื่อเป็นการรับประกันว่าเขาจะถูกดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม
พล.ต.ต.แสง เซน ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจความมั่นคงภายในกัมพูชา ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พล.ต.ธงถูกจับกุมตามหมายศาล โดยการประสานความร่วมมือระหว่างตำรวจความมั่นคงภายในกัมพูชา กับตำรวจเวียดนาม ผู้ต้องหาถูกนำตัวข้ามแดนมาควบคุมไว้ที่จังหวัดสวายเรียง ทางภาคตะวันออก และควบคุมตัวมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในกรุงพนมเปญในวันนี้ เพื่อทำการสอบปากคำ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานนำตัวส่งฟ้องศาลดำเนินคดีโดยเร็ว
พล.ต.ธง ตกเป็นผู้ต้องหาบงการฆ่า นายอั้ง เม้ง ฉิ่ว นักธุรกิจใหญ่ประธานบริษัทชิมเม็กซ์ กรุ๊ป ในคดีที่ถูกกล่าวขานกันทั่วประเทศ โดยนายอั้งถูกมือปืนบุกยิงในระยะประชิดด้วยปืนพก จำนวน 6 นัด เสียชีวิตคาที่ เมื่อเย็นวันที่ 22 พ.ย. 2557 หลังลงจากรถยนต์ส่วนตัว ที่หน้าตลาดผลไม้ ในย่านจัมการ์มอน บนถนนสีหนุ ในกรุงพนมเปญ เหตุการณ์อุกอาจถูกกล้องทีวีวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ และทีมอารักขา พล.ต.ธง 4 คน ถูกจับกุมในวันต่อมา และทั้งหมดถูกศาลตัดสินจำคุก ในความผิดฐานฆาตกรรม โดยจากการสืบสวนทราบว่า พล.ต.ธงและนายอั้งซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ เกิดความขัดแย้งกันเรื่องการขายที่ดินสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า พล.ต.ธง สารัธ วัย 37 ปี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา และนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีฐานะร่ำรวย ถูกเจ้าหน้าที่เวียดนามจับกุมตัวเมื่อวันพฤหัสบดี ที่นครโฮจิมินห์ ก่อนจะส่งตัวข้ามแดนให้กัมพูชาในวันเดียวกัน หลังหลบหนีคดี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาบงการฆ่า หุ้นส่วนธุรกิจในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ปีที่แล้ว
แหล่งที่มา : เดลินิวส์