อย่างไรก็ตาม รมว.คลังระบุว่า จากการหารือร่วมกันเห็นว่า กรมสรรพากรยังต้องคงเป้าหมายจัดเก็บรายได้ปี 2558 ไว้ที่ 1.96 ล้านล้านบาท แม้จะมีความพยายามขอปรับลดเป้า เนื่องจากเก็บภาษีในปี 2557 พลาดเป้าไปประมาณ 160,000 ล้านบาท แต่มองว่าขณะนี้มีการปรับขึ้นภาษีบางตัวแล้ว เช่น ภาษีมรดก ขณะนี้อยู่ระหว่างชี้แจงกรรมาธิการอีก 4-5 นัด แม้จะไม่ได้เม็ดเงินภาษีเข้ามาก็ตาม“ต้องอุดรูรั่วภาษีให้ดี หากทำดีๆ คาดว่าจะมีรายได้ภาษีกลับเข้ามาหลายหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ การประเมินรายได้ปี 2558 เพื่อจัดทำงบประมาณปี 2559 จะมีความชัดเจนอย่างไรนั้น ขอให้รอการ ประชุมร่วมกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ในวันอังคารที่ 13 ม.ค.58”
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ถึงสถานะหนี้ของรัฐบาลว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พ.ย.57 มี 5.62 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 46.12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 14,214 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล 3.94 ล้านล้านบาท ลดลง 4,282 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1.07 ล้านล้านบาท ลดลง 5,792 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 589,670 ล้านบาท ลดลง 2,648 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 8,957 ล้านบาท ลดลง 1,490 ล้านบาท.
นายสมหมายกล่าวต่อถึงนโยบายปฏิรูปภาษีของกระทรวงการคลังว่า ไม่ใช่การปรับขึ้นหรือลดอัตราภาษี หรือขยายฐานภาษีเท่านั้น การอุดรูรั่วของภาษีเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้น ขอให้ คตง.เร่งประสานส่งหนังสือมายังกระทรวงการคลังโดยเร็ว ส่วนแนวทางที่กระทรวงการคลังจะดำเนินการตรวจสอบร่วมกันอย่างไรนั้น ขอยังไม่พูดในตอนนี้ ต้องขอดูรายละเอียดวิธีการตรวจสอบของ คตง.ก่อนว่าเป็นอย่างไร และมั่นใจด้วยว่า กรมสรรพากรจะปฏิบัติได้ไม่ยาก เพราะทุกคนมีประวัติบันทึกรายงานการเสียภาษีทั้งหมดอยู่แล้ว สามารถตรวจสอบกลับไปได้ทั้งหมด
“ขอขอบคุณที่ คตง. ได้ช่วยชี้แนะ ถ้าผมตรวจพบว่า เบี้ยวหรือหลบเลี่ยงหรือทุจริตภาษีจริง ผมจะไม่ละเว้นแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง ในช่วง 1 ปีไม่ต้องมาถอดถอนผม และเชื่อว่ากรมสรรพากรทำเรื่องนี้ไม่ยาก แต่ต้องไม่พูดให้คนตื่นตกใจ และไม่ไปบ้าจี้ตามมากเกินไป”
สำหรับแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ภาครัฐนั้น นายสมหมายกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2559 จะจัดเก็บได้สูงขึ้นมากและในปีงบประมาณ 2560 จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีผลบังคับใช้ได้ในปี 2560 ซึ่งกระทรวงการคลังวางแผนไว้เป็นมาตรการที่หวังผลในระยะยาว
ขณะที่การจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2558 ต่อเนื่องปีงบประมาณ 2559 อาจมีความผันผวนของรายได้บ้าง จากปัจจัยการปรับลดลงของราคาน้ำมัน ส่งผลกระทบภาษีแวตนำเข้าน้ำมันจะลดลงไปมาก โดยคาดว่า ทั้งปีนี้รายได้จะลดลงประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท ขณะนี้กำลังทำมาตรการที่จะเข้ามารอบรับรายได้ที่ลดลง ซึ่งในส่วนของมาตรการภาษียังพูดอะไรไม่ได้มาก
“สมหมาย” รับคำแนะนำ คตง.ไล่ล่านักการเมืองทุจริต ยันไม่มีละเว้นแน่นอน แต่แย้มไม่มั่นใจคลังหารายได้ปิดหีบงบประมาณปี 58 หลังราคาน้ำมันวูบทำให้รัฐบาลจัดเก็บแวตจากการนำเข้าน้ำมันลดลง 50,000–60,000 ล้านบาท เล็งหาทุกวิถีทางอุดรูรั่วภาษี ยัน 1 ปีนี้ทำเต็มที่ไม่มีกั๊กแน่นอน
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยืนยันว่า จะไม่มีการละเว้นเก็บภาษีนักการเมืองที่ร่ำรวยผิดปกติ ตามที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เสนอคำแนะนำมา พร้อมกันนั้น กระทรวงการคลังยังมีนโยบายที่จะเดินหน้านโยบายอุดรูรั่วภาษี เพื่อรองรับเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2558 และปี 2559 ที่ผันผวนจากราคาน้ำมันดิ่งฉุดรายได้ของรัฐลดลง
โดยในขณะนี้พบว่า รายได้กรมสรรพากรจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) นำเข้าน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมาย ประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท จากราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง ดังนั้น หากกระทรวงการคลังไม่พยายามดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมเลย โอกาสที่จะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการมีความเป็นไปได้สูงมาก
“ทั้งนี้ กรณีที่นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ซึ่งต้องการให้กรมสรรพากรใช้อำนาจตามกฎหมายตรวจสอบการเสียภาษีของนักการเมือง โดยประเมินจากฐานทรัพย์สิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 49 ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะช่วยกระทรวงการคลังอุดรูรั่วของภาษี ซึ่งผมอยากหาคนมาช่วยบอกเหมือนกันว่ารูรั่วของภาษีอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะในฐานะกระทรวงการคลัง มีหน้าที่เข้าไปจัดการและดูแลโดยตรงอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่มีวันละเว้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
Source: "สมหมาย" วิ่ง-สู้-ฟัด รีดขนห่าน เล็งจัดเต็มอุดรูรั่วภาษีหลัง "แวต" พลาดเป้า
