แต่เมื่อวันที่ 30พ.ย. ที่ผ่านมา ผู้ที่ซื้อโรงแรมได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพโรงแรม ได้พบกับนางวาสนา และเกิดมีปากเสียงกัน โดยนางวาสนาก็ได้พูดว่าจะยอมตายอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ ไม่ยอมหนีไปไหน จากนั้นก็มีอาการซึมเศร้าอยู่ตลอดเวลา โดยวันนี้ก็ได้พากันเก็บข้าวของขนออกจากโรงแรม ซึ่งนางวาสนาก็ได้ไปเก็บของที่ห้องหมายเลข 320 ที่เป็นห้องพักส่วนตัว แล้วหายเงียบไป ไม่ยอมลงมา และไม่ยอมรับโทรศัพท์ เคาะประตูห้องก็ไม่เปิด ทางผู้ซื้อโรงแรมเห็นท่าไม่ดี จึงได้พังประตูเข้าไปภายในห้อง ก็พบว่านางวาสนาใช้เชือกผูกคอตัวเองกับขอบหน้าต่าง เพื่อหวังฆ่าตัวตาย ซึ่งบริเวณใกล้กันนั้น ยังพบแก้วน้ำสีแดงวางอยู่ จึงได้เข้าช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะเกิดความเครียดที่ต้องสูญเสียโรงแรมซึ่งเป็นมรดกสืบทอดมารุ่นต่อ รุ่น และมีความรักความผูกพัน จึงคิดสั้น โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ได้ทัน โดยทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งต่อไปเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. พ.ต.ท.สมควร เกตุเทศ สวส. สภ.เมืองลำปาง รับแจ้งเหตุ มีคนผูกคอตัวเองภายในโรงแรมร่มศรีทอง เลขที่ 142 ถนนบุญวาทย์ ต.สวนดอก จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ ชุดสืบสวน แพทย์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย โดยในที่เกิดเหตุพบพนักงานโรงแรมดังกล่าวกำลังช่วยกันนำผู้บาดเจ็บ คือนางวาสนา ปัญจสินจัย อายุ 42 ปี เจ้าของโรงแรมดังกล่าว ที่อยู่ในสภาพหมดสติ บริเวณลำคอมีร่องรอยฟกช้ำ เนื่องจากถูกเชือกรัด ส่งรพ.ลำปางอย่างเร่งด่วน ล่าสุดอาการยังโคม่าต้องนอนดูอาการในห้องไอซียู
สอบ สวนเบื้องต้นทราบว่า โรงแรมร่มศรีทอง เป็นโรงแรมขนาดเล็ก และเก่าแก่ดำเนินกิจการมานานหลายสิบปี ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น กระทั่งมาถึงรุ่นของนางวาสนา จึงได้นำโรงแรมไปวางค้ำประกัน ยื่นขอกู้เงินกับธนาคาร เพื่อจะนำเงินไปใชพัฒนาปรับปรุงโรงแรมให้มีความสะดวกสบายทันสมัยขึ้น จนต้องเป็นหนี้ก้อนใหญ่ โดยมีภาระผ่อนชำระคืนให้ธนาคารเดือนละ 70,000 กว่าบาท แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้ขาดสภาพคล่องจนต้องค้างค่างวดหลายงวด ในที่สุดก็ถูกธนาคารยึดและประกาศขายทอดตลาดไปแล้ว แต่นางวาสนาก็ไม่ยอมย้ายออกแต่อย่างใด ทางธนาคารจึงได้ให้สำนักงานบังคับคดี จ.ลำปาง ทำประกาศมาติดไว้ที่หน้าโรงแรมลงวันที่ 24 พ.ย. 57 เพื่อให้นางวาสนาขนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดออกไปภายใน 8 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 2 ธ.ค.
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
