อย่างไรก็ตาม ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ยังคาดว่า ปีนี้ GDP จะเติบโตได้ 3.5-4% ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะเติบโตได้ 1-2% ส่วนกรณีอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบในเดือน ม.ค. 58 นั้น เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง แต่ไม่ได้เกิดจากการบริโภคที่ลดลง และยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพียงแต่เป็นความกังวลจากผู้บริโภคเท่านั้น
สำหรับเหตุการณ์ระเบิด ที่หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ถือว่ามีผลกระทบน้อย และไม่มีผลบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเชื่อว่าผลกระทบดังกล่าวจะเป็นในระยะสั้นเพียงแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น และสถานการณ์จะกลับมาปกติ หากไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำอีก เพียงแต่อาจจะทำให้ประชาชน และผู้ประกอบธุรกิจเกิดความระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายและการลงทุน เพราะเห็นว่าทิศทางการเมืองยังไม่นิ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เศรษฐกิจตึงตัว และถ้าหากการเมืองยังนิ่งและไม่มีม็อบก็ยังเชื่อว่า GDP ในปีนี้จะยังอยู่ที่ 3.5-4%.
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ คาดว่า การบริโภคของภาคประชาชนยังไม่ฟื้นตัวมากนักในระยะนี้ แม้ว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากประชาชนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในการฟื้น ตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก รวมทั้งระดับราคาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพาราที่ยังมีแนวโน้ม ทรงตัวในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของการบริโภคจะเร็ว หรือช้าขึ้นอยู่กับการเร่งเบิกจ่ายเงินของทุน ของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญในช่วงที่การส่งออกและการท่องเที่ยวยังฟื้น ตัวไม่เต็มที่ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน
นายธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า จากการประชุม ครม.เศรษฐกิจเมื่อวานนี้ ที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ ลงไปดูแลในเรื่องราคาสินค้า การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน การผลักดันเรื่องการส่งออกให้เป็นวาระแห่งชาติ และเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลเริ่มรับรู้แล้วว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะไม่ฟื้น ตัวไปตามแผนที่คาดไว้ ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย อัดฉีดเม็ดเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในช่วงฤดูแล้ง ท่ามกลางปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังบั่นทอนการบริโภค และอาจทำให้การบริโภคของประชาชน ไม่สามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาส 1/58 ตามที่เคยคาดไว้
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค.58 ปรับตัวลดลงทุกรายการ ในขณะที่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี การจับจ่ายใช้สอยกลับมาคึกคัก ซึ่งเป็นเพราะประชาชนยังมองว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำเริ่มส่งผลบั่นทอนสถานการณ์ เช่น ยางพาราและข้าว ในขณะที่ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวยังไม่กลับมาคึกคักเท่าที่ควร ประกอบกับทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังต่างปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้ลงจากเดิม ซึ่งทำให้เป็นข้อมูลข่าวสารในเชิงลบที่เข้ามา
นอกจากนี้ แม้สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจะมีส่วนช่วยในการพยุงเศรษฐกิจได้บ้าง จากการที่ทำให้ต้นทุนประกอบการปรับลดลง แต่ขณะเดียวกัน มีแนวโน้มที่ราคาก๊าซ NGV และก๊าซ LPG จะปรับขึ้นราคาได้อีก รวมทั้งความเห็นที่ยังแตกต่างกันเรื่องสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ระหว่างรัฐบาลกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งอาจทำให้เห็นว่าการเมืองอาจจะเริ่มไม่นิ่ง ดัชนีความเชื่อมั่นด้านการเมืองในเดือน ม.ค.นี้ จึงเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 9 เดือน
“ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่แปลก เพราะเมื่อตอนปีใหม่ดัชนีความเชื่อมั่นยังคึกคัก การใช้สอยกลับมา แต่พอมาเดือนนี้(ม.ค.)คนยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ฟื้น หรือฟื้นช้า คำสั่งซื้อจากต่างจังหวัดหายไป เพราะราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำได้เริ่มบั่นทอนสถานการณ์ เศรษฐกิจยังมี สัญญาณฟื้นตัวช้า และไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจริงหรือไม่"
หอการค้าฯ เผย ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงเหลือ 80.4 คาดกังวลเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า-ราคาสินค้าเกษตรตกตํ่า ส่วนดัชนีการเมืองลดลงครั้งแรกในรอบ 9 เดือน...
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค. 58 อยู่ที่ 80.4 จาก 81.1 ในเดือน ธ.ค. 57 โดยเป็นการปรับตัวลดลงเนื่องจากสินค้าเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และความกังวลกับการฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจไทย
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 69.7 จาก 70.5 ในเดือน ธ.ค. 57 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางาน ทำอยู่ที่ 74.1 จาก 74.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 97.4 จาก 98.3 สำหรับปัจจัยบวก ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง
ด้านปัจจัยลบ ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาด GDP ปี 58 ที่ 4% ถือว่าโตต่ำกว่าศักยภาพ, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาด GDP ปี 57 โตได้แค่ 0.7% จากเดิมที่คาด 1.4%, ราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ, ผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพ และเงินบาทปรับแข็งค่าเล็กน้อย
แหล่งที่มา : ไทยรัฐ
Source: กังวลศก.ฟื้นช้า ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคม.ค.ลดเหลือ 80.4