ขยายความร่วมมือเมียนมาร์-ลาว
ด้าน “หทัย อู่ไทย” เลขาธิการ สมอ. ฉาย ภาพว่า สมอ.พร้อมให้การช่วยเหลือด้านวิชาการในการวางระบบสำนักงานตรวจสอบมาตรฐาน อุตสาหกรรมให้กัมพูชาอย่างเต็มที่ ซึ่งการเริ่มระบบมาตรฐานในส่วนผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่จะนำไปสู่การขยายความร่วมมือการให้ความช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ ตามมา เช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าอาหาร มาตรฐานผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ มาตรฐานสินค้าเกษตรกรรมที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างอยู่ภายใต้คณะ กรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของอาเซียน (เอซีซี เอสคิว)
ขณะ นี้ไทยไม่ได้เนื้อหอมแค่กัมพูชาเท่านั้นแต่ยังได้รับการติดต่อทาบทามจากประ เทศเมียนมาร์เพื่อขอรับการสนับสนุนในลักษณะเดียวกัน คาดว่าจะลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกันได้ก่อนสิ้นปีนี้และ สมอ. ยังสนใจที่จะให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกับประเทศ สปป. ลาวอีกด้วยซึ่งลาวอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลือกไทย หรือเวียดนาม
ผลิตภัณฑ์ยา-เกษตรจ่อคิวต่อไป
นอก จากนี้ “จอม ประสิทธิ์” รัฐมนตรีอาวุโสและรมว.อุตสาหกรรมและหัตถกรรมยังได้ขอให้ “จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช” รมว.อุตสาหกรรมประสานไปยังหน่วยงานที่ดูแลมาตรฐานอื่น ๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อช่วยวางระบบมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ และมาตรฐานสินค้าเกษตรกรรมเพื่อปรับระบบมาตรฐานในทุก ๆ ด้านของกัมพูชาให้เป็นมาตรฐานเดียวกับอาเซียนภายใน 2 ปีตามกรอบที่อาเซียนตั้งเป้าหมายไว้อีกด้วย
ตั้งเป้า 2 ปี ช่วยกัมพูชา
สำหรับ สาระสำคัญของการลงนามเอ็มโอยูให้ความช่วยเหลือกัมพูชาครั้งนี้ เป็นกรอบความร่วมมือด้านวิชาการ 2 ปีโดย สมอ.ไทยจะให้ความรู้ ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาเพื่อให้สามารถจัดตั้งหน่วยรับรองระบบงานแห่ง ชาติตามแนวทางสากลได้พร้อมทั้งช่วยเหลือด้านวิชาการในการตรวจประเมินห้อง ปฏิบัติการทดสอบห้องปฏิบัติการสอบเทียบหน่วยตรวจและหน่วยรับรองของกัมพูชา และสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่กัมพูชาเข้ามาศึกษาดูงานตรวจประเมินของไทยและเจ้า หน้าที่สมอ.จะไปฝึกอบรมประเมินในกัมพูชาด้วย
งานนี้เรียกได้ ว่า “วิน วิน” กันทั้งคู่เพราะนอกจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการช่วยเหลือให้กัมพูชามี มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมากขึ้นแล้วยังเป็นประโยชน์กับนักธุรกิจไทยที่ เข้าไปลงทุนในกัมพูชาซึ่งขณะนี้มีจำนวนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของนักลงทุนในกัมพูชารองจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ทำให้ต่อไปสินค้าที่ผลิตในกัมพูชาจะได้รับการยอมรับในระดับสากลมากขึ้นเท่า กับว่า สินค้าของผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา จะสามารถส่งออกไปทั่วโลกได้มากขึ้น
มั่นใจเพิ่มการค้า-ความสัมพันธ์
ขณะ ที่ “จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช” รมว.อุตสาหกรรม มั่นใจว่า การลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้จะทำให้การค้าระหว่างไทย–กัมพูชาขยายตัวเพิ่มขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ในการช่วยเหลือกัมพูชาเพื่อให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนมี ความแข็งแกร่งร่วมกัน ซึ่งจะเป็นผลดีหลังจากเปิดเออีซีแล้ว
แหล่งที่มา : เดลินิวส์