ถ้อยแถลงของอาเบะมีขึ้น 1 วันหลังกลุ่มไอเอสในซีเรียเผยแพร่วีดีโอคลิปการตัดศีรษะนายเคนจิ โกโตะ ตัวประกันชาวญี่ปุ่น เนื่องจากผ่านพ้นเส้นตายเมื่อวันพฤหัสบดี ในการแลกเปลี่ยนตัวโกโตะ กับนางซาจิดา อัล-ริชาวี หญิงชาวอิรักซึ่งพยายามก่อวินาศกรรมในจอร์แดนและถูกศาลรัฐบาลอัมมานตัดสินให้รับโทษประหารชีวิต แม้ทางการจอร์แดนยืนยันพร้อมรับข้อเสนอของกลุ่มไอเอส แต่การแลกเปลี่ยนตัวประกันต้องเป็นการปล่อยตัวร.ท.โมอาซ อัล-คาซซาสเบห์ นักบินทหารซึ่งถูกกลุ่มไอเอสจับตัวไปเมื่อเดือนธ.ค.เท่านั้น
ขณะที่นางริงโกะ โจโกะ ภรรยาของโกโตะ กล่าวว่าการเสียชีวิตของสามีทำให้เธอรู้สึกหัวใจสลาย กระนั้นเธอมีความภูมิใจอย่างยิ่งในตัวของโกโตะ ซึ่งอุทิศตนให้กับอาชีพและพยายามให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่สงคราม ทั้งในซีเรีย อิรัก และโซมาเลีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ว่านายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น แถลงยืนยันการขยายขอบเขตของนโยบายมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง และการมอบความสนับสนุนให้กับประชาคมโลกต่อไป เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากการก่อการร้าย เพื่อแสดงจุดยืนที่มั่นคงและกล้าหาญของประเทศ ในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ลำบากและเลวร้ายทุกรูปแบบ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงถือเป็นการเดินตามเกมของอีกฝ่าย
ทั้งนี้ อาเบะยืนยันว่ากองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าร่วมเป็นพันธมิตรของสหรัฐ ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศทำลายกลุ่มไอเอสทั้งในอิรักและซีเรียได้ เช่นเดียวกับการมอบความช่วยเหลือด้านสรรพาวุธที่ไม่สามารถกระทำได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลด้านข้อจำกัดในรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกำลังพิจารณายื่นญัตติให้สภาอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ หากพลเมืองของญี่ปุ่นในต่างประเทศกำลังตกอยู่ในอันตราย
แหล่งที่มา : เดลินิวส์