วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พิษรัชชูปการรวม23นายที่มีข้างรวบข้อง

ส่วยสถานบริการพ่นพิษ นครบาลสั่งย้ายด่วน 3 เสือ สน.ประเวศ ทั้ง ผกกรอง ผกก.ป. และ ผกก.สส.ไปช่วยราชการ ศปก.น. เป็นเวลา 30 วันแล้ว แถมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตำรวจตั้งแต่ระดับ รอง ผบก.น. 4 นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ไปจนถึงชั้นสัมผัสทำซ้ำกราวรูดรวม 23 คน ทั้งที่มีชื่ออยู่ในโพยและไม่อยู่ในโพยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับสินบนหรือไม่

กรณีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและเทศกิจ สนธิกำลังบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงไรเดอร์ รีสอร์ต และอาบ อบ นวด คุ้มพระราม เป็นอาคารสูง 5 ชั้น อยู่เลขที่ 35/1 หมู่ 7 ซอยศรีนครินทร์ 49 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. จับกุมหญิงค้าประเวณีชาวไทย 10 คน ชาวกัมพูชา 1 คนและชาวลาว 1 คน นอกจากนี้ผู้หญิงคนไทยที่ค้าประเวณี 1 คน อายุต่ำกว่า 18 ปี ส่วนในสถานบันเทิงตรวจค้นพบยาบ้า 6 เม็ด ใส่ถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในห้องน้ำชาย พร้อมกันเครื่องไม้เครื่องมือเสพยาไอซ์ แถมพบกัญชาในตู้เก็บของพนักงาน ที่สำคัญยังพบโพยจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งสถานบันเทิงและสถานบริการไม่มีใบอนุญาต ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงวันฮาโลวีนผับดังกล่าวเพิ่งถูกทหาร เข้าจับกุมฐานเปิดบริการเกินเวลาถึง 2 วันติด ฝ่ายเจ้าของร้านไรเดอร์ รีสอร์ต อ้างว่า ไม่เกี่ยวข้องกับสถานบริการคุ้มพระราม เจ้าของอาบอบนวดมาเช่าที่ทำธุรกิจเอง แต่อยู่ในอาคารเดียวกัน

ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 พ.ย. มีรายงาน ว่า พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.น. เซ็นคำสั่ง บช.น.ที่ 672/2557 ลงวันที่ 2 พ.ย.57 เรื่องให้พลเรือนตำรวจปฏิบัติราชการ ระบุว่า ตามที่ บช.น.ได้รับรายงานเหตุ กรณีเมื่อวันที่ 1 พ.ย.เวลาประมาณ 23.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ เข้าตรวจค้นสถานบันเทิงและสถานบริการไรเดอร์ รีสอร์ต และร้านคุ้มพระราม ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ประเวศ จับผู้ต้องหา 8 คน พร้อมของกลางในความผิดต่างๆเกี่ยวกับยาเสพติด บุคคลต่างด้าว การค้าประเวณี สถานบริการ และการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ โดยการเป็นธุระจัดหาให้เด็กอายุไม่เกิน 18 ปีค้าประเวณี อันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นอบายมุขเป้าหมายตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 234/2548 ลงวันที่ 28 มี.ค.48

เพื่อให้การคุ้มครองและปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอบายมุขภายใน บช.น.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ตลอดจนเพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดั้งนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การดำเนินงานราชการของผู้บัญชาการ ในฐานะเป็นอธิบดีหรือแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2551 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 และระเบียบ ตร.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการดังนี้ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ ผกก.สน.ประเวศ พ.ต.ท.เผด็จ ภู่บุปผากาญจน รอง ผกก.ป.สน.ประเวศ และ พ.ต.ท.บวร เพ็งสุข รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ ทั้ง 3 นาย มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย มีกำหนด 30 วัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ยังเซ็นคำสั่งเพิ่มเติมที่ 673/2557 ลงวันที่ 2 พ.ย.57 ตั้งคณะกรรมการพิจารทางวินัย มอบหมายให้ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น.เป็นประธานการสอบสวน หากคณะกรรมการสืบสวนเห็นว่า กรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบเสาะข้อเท็จจริงพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องสืบสวนนั้นอยู่ ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า รรท.ผบช.น.มีคำสั่งให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจกรณีดังกล่าว โดยมีรายชื่อไล่ตั้งแต่รอง ผบก.น.4 นายตำรวจสัญญาบัตร และชั้นประทวนสังกัด สน.ประเวศ รวมทั้งหมด 23 นายด้วย


ข่าวจาก: http://kopidaresi.com/?p=305